โลหะเงินแตะจุดสูงสุดรอบ 13 ปี: เป้าหมายต่อไป $50? 

2025-06-13 | ดอลลาร์สหรัฐ , ทองคำ , ราคาโลหะเงิน , โลหะเงิน

ราคาทองคำขยับก่อน แต่ซิลเวอร์ขยับเร็ว 

ในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว ราคาซิลเวอร์พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 11.1% และตอนนี้กำลังซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี จนกลายเป็นที่จับตามองของตลาด ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนระยะยาวหรือนักเทรดสายเก็งกำไร ทุกคนต่างจับตาดูระดับราคาที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ช่วงพีคของปี 2554 

สิ่งที่นักเทรดอยากรู้คือ: นี่คือจุดเริ่มต้นของการเบรกทะลุครั้งประวัติศาสตร์ใช่ไหม? หรือแค่เป็นอีกหนึ่งรอบที่ราคาจะ ไปไม่สุดแล้วอ่อนตัวลง ที่แนวต้านอีกครั้ง? 

ท่ามกลางกระแสข่าวครึกโครมของ AI และคริปโต ความแข็งแกร่งของซิลเวอร์กำลังบอกสัญญาณบางอย่างที่ลึกกว่านั้น 

ในอดีต ซิลเวอร์เคยเป็นสินทรัพย์ที่ใช้เก็บมูลค่า เช่นเดียวกับทองคำ เป็นโลหะที่มีการใช้ในอุตสาหกรรม และยังเป็น เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อซิลเวอร์เคลื่อนไหว มันไม่ได้ขยับเบา ๆ 

หากย้อนไปปี 2554 ราคาซิลเวอร์พุ่งจาก $35 ไปเกือบ $50 ภายในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ หรือคิดเป็นการขยับขึ้นกว่า 40% ในไม่ถึงสองเดือน เป็นรอบที่พุ่งแรงและรวดเร็วจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว และความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัย 

วันนี้เรากำลังเห็นรูปแบบที่คล้ายกันอีกครั้ง 

  • ผลตอบแทนแท้จริงอยู่ภายใต้แรงกดดัน 
  • ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 
  • หนี้ทั่วโลกพุ่งสูง 
  • นักลงทุนเริ่มหันกลับมาหาสินทรัพย์จริงอีกครั้ง 

และซิลเวอร์ก็กำลังตอบรับต่อสัญญาณนั้น 

กราฟด้านบนกำลังส่งสัญญาณเชิงเทคนิคที่น่าสนใจ โดยแสดงให้เห็นว่าราคาซิลเวอร์กำลังสร้างรูปแบบ “ถ้วยพร้อมหูจับ” ซึ่งมักเป็นสัญญาณขาขึ้นก่อนการเบรกทะลุครั้งใหญ่ 

รูปแบบนี้คล้ายกับที่ทองคำเคยทำไว้ก่อนจะทะลุระดับ $2,000 

แนวต้านแนวนอนบริเวณ $44–$50 ได้กลายเป็นเพดานราคาของซิลเวอร์มายาวนานกว่าสี่ทศวรรษ โดยเคยเกิดขึ้นในปี 2523, อีกครั้งในปี 2554 และตอนนี้ในปี 2468 ซิลเวอร์กำลังกลับมาทดสอบโซนดังกล่าวอีกครั้ง 

หากสามารถเบรกเหนือ $50 ได้อย่างชัดเจน จะถือเป็นการสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล และอาจเปิดประตูสู่รอบตลาดกระทิงระยะยาวรอบใหม่ 

ระยะสะสมของ “หูจับ” อาจสิ้นสุดไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาอาจรุนแรงและน่าตื่นเต้น 

กราฟด้านบนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาซิลเวอร์ในช่วงเวลา 10 ปี โดยเน้นไปที่สองรอบตลาดกระทิงใหญ่ ได้แก่ ช่วงปี 1970s C.E. และ 2000s C.E. ซึ่งในแต่ละรอบราคาซิลเวอร์พุ่งแรงจนจากสินค้าที่ถูกลืม กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้ง 

ตอนนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณเบื้องต้นของรอบกระทิงรอบที่สาม 

ผลตอบแทนเฉลี่ยของซิลเวอร์กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง และแรงส่งกำลังเร่งตัว จากมุมมองมหภาค การปรับขึ้นรอบนี้ดูเหมือนจะมีพลังต่อเนื่อง 

ย้อนกลับไปดูตัวอย่างในอดีต: 

ในปี 2554 ราคาซิลเวอร์ใช้เวลาเพียง 6 สัปดาห์ในการพุ่งจาก $35 ไปที่ $50 

ด้วยราคาซิลเวอร์ที่ปัจจุบันลอยตัวอยู่แถว $36–$37 การปรับขึ้นระดับนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริง โดยเฉพาะถ้าได้ปัจจัยเสริมอย่างค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อน เงินเฟ้อที่พุ่ง หรือแรงสั่นสะเทือนทางภูมิรัฐศาสตร์ 

ซิลเวอร์ไม่ใช่แค่เหรียญโลหะสวยงามหรือสินค้าตามความต้องการภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่มันสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจโลก และตอนนี้สถานการณ์ก็น่าสนใจไม่น้อย: 

  • ธนาคารกลางกำลังชะงัก: เงินเฟ้อยังไม่ลด แต่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว มีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกลดลง ซึ่งมักทำให้ค่าเงินอ่อนตัวและหนุนราคาสินทรัพย์อย่างทองคำและซิลเวอร์ 
  • ค่าเงินดอลลาร์กำลังอ่อน: อย่างที่วิเคราะห์ไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนในบทความ USD ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังเผชิญแรงกดดันเชิงโครงสร้าง ซึ่งในอดีตเคยส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อทองคำและซิลเวอร์ 
  • ดีมานด์ทั้งภาคอุตสาหกรรมและการเงิน: ซิลเวอร์มีบทบาทสองด้านในตลาด ซิลเวอร์ถูกใช้ทั้งในแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะเดียวกันก็ถูกถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นเดียวกับทองคำ บทบาทคู่ขนานนี้ทำให้ซิลเวอร์มีความโดดเด่นและแตกต่างจากโลหะมีค่าอื่นๆ 

จากมุมมองเชิงเทคนิค ประวัติศาสตร์ และภาพรวมเศรษฐกิจระดับมหภาค ราคา $50 ได้กลับมาอยู่ในบทสนทนาอีกครั้ง 

แต่อย่าลืมว่า ซิลเวอร์เป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูง มีโอกาสเหวี่ยงแรงทั้งขึ้นและลง ไม่ได้พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง และระหว่างทางก็อาจมีการย่อตัวอย่างรุนแรงได้ 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนสำหรับการเบรกทะลุแนวต้านยังคงชัดเจน: 

  • การทดสอบแนวต้านระยะยาวหลายสิบปี 
  • รูปแบบกราฟขาขึ้นในระยะยาว 
  • ผลการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 
  • ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย 
  • มีแบบอย่างจากประวัติศาสตร์ที่เคยพุ่งแรงมาแล้ว 

ระดับราคา $50 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เป้าหมายด้านตัวเลขเท่านั้น แต่มันคือ “จุดเปลี่ยนทางจิตวิทยา” ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่กินระยะเวลานานหลายสิบปี หากสามารถทะลุผ่านไปได้ อาจทำให้ซิลเวอร์เข้าสู่การปรับฐานราคาใหม่ทั้งระบบ 

  • ราคาซิลเวอร์พุ่งขึ้น 11.1% ในเดือนมิถุนายน ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 13 ปีนับตั้งแต่ปี 2554 
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ถึงรูปแบบกราฟถ้วยและหูจับ ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นระยะยาว 
  • ข้อมูลในอดีตยืนยันว่าซิลเวอร์สามารถเคลื่อนไหวแรงได้ เช่นเดียวกับในปี 2554 
  • ปัจจัยมหภาค เช่น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนและการปรับลดดอกเบี้ย ช่วยหนุนแนวโน้มตลาด 
  • หากทะลุแนวต้าน $50 ได้ จะกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ และอาจเปิดตลาดกระทิงรอบใหญ่ในระยะยาว 

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนสายยาวหรือเทรดเดอร์สายสั้น ตอนนี้ซิลเวอร์ได้กลับมาอยู่ในเรดาร์อีกครั้ง 

จับตาแนวต้านให้ดี ติดตามโมเมนตัมอย่างใกล้ชิด เคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว และอย่าลืมบริหารความเสี่ยงของคุณให้ดี 

เพราะหากการเบรกทะลุแนวต้านนี้ “ยืนได้” อย่างมั่นคง นี่อาจเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของตลาดก็เป็นได้ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-07-17 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังพุ่งขึ้น และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลัง 

บิตคอยน์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง พุ่งทะลุ 123,000 ดอลลาร์ ดึงเหล่านักเทรดให้กลับเข้าสู่โหมดเสี่ยงเต็มพิกัด แต่คำถามคือ นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งรอบของกระแสเก็งกำไร หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างแล้วจริงๆ?  ถ้ามองลึกลงไป จะเห็นว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเชื่อมโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน  สิ่งแรกกำลังคลี่คลายอยู่ในวอชิงตัน ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในระบบการเงินโลก โดยส่งสัญญาณล่วงหน้าแบบเดียวกับที่เคยหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแรงมาแล้วหลายรอบ  และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังไต่ระดับขึ้น และทำไมรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา  กฎหมายคริปโตฉบับใหม่เปลี่ยนเกมทั้งกระดาน  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนบิตคอยน์ต้องเผชิญกับคำถามคาใจหนึ่งที่ยังไร้คำตอบจากฝั่งอเมริกา: สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับคริปโตแค่ไหนกันแน่?  ตั้งแต่กรณีที่ SEC ไล่จัดการกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ไปจนถึงการถกเถียงว่า ETH หรือ stablecoin ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง ทำให้เงินทุนจากสถาบันส่วนใหญ่มักเลือกอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว  สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันกฎหมายคริปโตชุดใหญ่หลายฉบับ โดยเฉพาะร่างกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ดูแลอะไร มอบอำนาจกำกับดูแลบิตคอยน์และคริปโตประเภทอื่นให้กับ CFTC มากขึ้น พร้อมทั้งวางกรอบการขอใบอนุญาตระดับชาติให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ stablecoin อย่างเป็นทางการ  ทำไมบิตคอยน์ถึงชอบร่างกฎหมายคริปโต  บิตคอยน์ไม่ได้พุ่งขึ้นเพราะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจจะผ่าน […]

article-thumbnail

2025-07-14 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

พรรคอเมริกาของ Musk ส่งสัญญาณบวกหรือลบต่อหุ้น TSLA? 

อีลอน มัสก์ กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องจรวดหรือหุ่นยนต์แท็กซี่ แต่เป็นการเปิดตัวขบวนการทางการเมืองของเขาเองในชื่อว่า “พรรคอเมริกา”  ในมุมแรกอาจดูเหมือนโปรเจกต์ส่วนตัวแปลกๆ ของมหาเศรษฐีอีกชิ้นหนึ่ง แต่ถ้าสังเกตให้ดี มันอาจกลายเป็นหมากตัวใหม่ที่ส่งผลต่อทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต และอาจเป็นแรงหนุนต่อหุ้น Tesla (TSLA) ในแบบที่นักลงทุน Wall Street หลายคนยังมองไม่เห็น  พรรคอเมริกาคืออะไร?  แล้วจริงๆ พรรคอเมริกาคืออะไร? และทำไมมัสก์ถึงสร้างมันขึ้นมา?  พูดง่ายๆ นี่คือคำตอบของอีลอน มัสก์ต่อระบบที่เขามองว่า “ล้มเหลว” พรรคอเมริกาเป็นขบวนการทางการเมืองใหม่ ที่ตั้งใจมาท้าทายระบบการผูกขาดของสองพรรคใหญ่ในสหรัฐฯ มัสก์ระบุว่า พรรคนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการพูด เปิดพื้นที่ให้การถกเถียงทางการเมืองกว้างขึ้น และอาจมีบทบาทในการกำหนดนโยบายด้านภาษีและกฎระเบียบที่กระทบต่อธุรกิจของเขาโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเกินตัว โค้ดภาษีที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎระเบียบที่ขัดขวางเทคโนโลยีใหม่ๆ มัสก์ต้องการลุกขึ้นมาท้าทายทั้งหมดนี้ และสร้างระบบที่ให้ “ไอเดียที่ดีที่สุด” ชนะ ไม่ใช่ “คนที่วิ่งล็อบบี้เก่งที่สุด”  แต่มันยังมีอีกชั้นหนึ่ง พรรคอเมริกาดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ตอบโต้ของมัสก์ต่อภัยคุกคามอย่างข้อเสนอของทรัมป์ในการเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป ซึ่งอาจกระทบต่อโรงงาน Tesla ในเบอร์ลิน การมีพรรคการเมืองของตัวเอง ทำให้มัสก์ไม่ได้แค่ตั้งรับ แต่รุกกลับเต็มที่ ตั้งเป้าสร้างบทสนทนาใหม่ในสังคม และผลักดันนโยบายที่จะทำให้สหรัฐฯ แข่งขันได้ในเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง  พูดให้เข้าใจง่ายๆ: พรรคอเมริกาคือวิธีของมัสก์ในการ […]

article-thumbnail

2025-07-03 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทองคำ vs บิตคอยน์: อะไรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2025? 

เมื่อพูดถึงการป้องกันความผันผวนของตลาด มีสินทรัพย์อยู่สองประเภทที่โดดเด่น: ทองคำและบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี ส่วนอีกตัวแม้จะอายุน้อยแต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง  และในตอนนี้ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง และตลาดต่างจับตาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพาวเวลล์ สินทรัพย์ทั้งสองนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการดึงดูดเงินลงทุน  แล้วอะไรจะกลายเป็น “หลุมหลบภัยทางการเงิน” สำหรับที่เหลือของปี 2025? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน  ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญในตอนนี้  การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการลดความตึงเครียดระดับโลก ได้ช่วยสลายความเสี่ยงระยะสั้นครั้งใหญ่ ราคาน้ำมันก็เริ่มเย็นลง ขณะที่ความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อก็เริ่มลดลงเช่นกัน นั่นหมายความว่า ความสนใจของตลาดจะหันไปจับตาธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด  นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทองคำและบิตคอยน์จะได้พิสูจน์ว่าใครคือผู้นำตัวจริงในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ทั้งสองต่างมีแนวโน้มไปได้ดีเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทั้งสองได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง และทั้งสองยังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่วิตกกังวลและต้องการปกป้องอำนาจการซื้อ  แต่ในวันนี้ ใครคือผู้ที่ยืนเหนือกว่า?  ทองคำ vs บิตคอยน์: เปรียบเทียบแบบชัดๆ ในปี 2025  ก่อนจะลงลึกว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดของทั้งสองฝั่ง มาดูภาพรวมกันก่อนว่า ทองคำและบิตคอยน์แตกต่างกันอย่างไรในปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  ตอนนี้คุณก็เห็นภาพรวมแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าทำไมทองคำอาจยังเปล่งประกายได้อีกในปีนี้ และอะไรอาจเป็นแรงผลักดันให้บิตคอยน์พุ่งแรงยิ่งขึ้น  ทองคำ: เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์จริงหรือ?  มาเริ่มกันที่ทองคำ ล่าสุดราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ 3,500 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย  อะไรคือปัจจัยหนุน? เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ประจวบเหมาะ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลเรื่องเสถียรภาพหนี้ในระยะยาว […]